หน่วยที่ 2 จริยธรรมและพระราชบัญญัติฯคอมพิวเตอร์
การกระทำความผิดในด้านจริยธรรมนั้นเป็นความผิดที่ไม่มีข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่เกิดจากจิตสำนึกหรือความรู้ผิดชอบชั่วดีของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นหลัก ซึ่งการกระทำความผิดดังกล่าวมักจะนำไปสู่ความผิดทางกฎหมาย ปัจจุบันจึงได้มีการใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยสามารถสรุปลักษณะการกระทำความผิดและบทลงโทษได้ดังนี้
1.มาตรา 1-4 กล่าวถึง ข้อกำหนดการใช้และความหมายของคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติฯคอมพิวเตอร์2.มาตรา 5-17 อยู่ในหมวด 1 ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นมาตราที่เกี่ยวข้องกับบุคคลทั่วไป ซึ่งสามารถสรุปการกระทำความผิดและบทลงโทษได้ดังนี้
มาตรา
5 ห้ามไม่ให้เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่มีมาตรการป้องกัน
หากกระทำความผิดต้องจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา
6 ห้ามไม่ให้นำข้อมูลของผู้อื่นไปเผยแพร่จนเกิดความเสียหาย
หากกระทำความผิดต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา
7 ห้ามไม่ให้เข้าใช้ข้อมูลของผู้อื่นที่มีมาตรการป้องกัน
หากกระทำความผิดต้องจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา
8 ห้ามไม่ให้ดักรับข้อมูลของผู้อื่นที่อยู่ในระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์
หรือข้อมูลนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือสำหรับบุคคลทั่วไป
หารกระทำความผิดต้องจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา
9 ห้ามทำให้ข้อมูลผู้อื่นเสียหาย ห้ามทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง
และเพิ่มเติมบางส่วนหรือทั้งหมด หากกรทำความผิดต้องจำคุกไม่เกิน 5 ปี
หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 10 ห้ามทำให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ
ขัดขวางหรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ หากกระทำความผิดต้องจำคุกไม่เกิน 5 ปี
หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา
11 ห้ามส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้อื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของข้อมูล
ที่เป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น หากกระทำความผิดปรับไม่เกิน 100,000 บาท
มาตรา
12 ถ้ากระทำความผิดในมาตรา 9 หรือ 10 แล้วก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน
ต้องจำคุกไม่เกิน 10 ปี แลปรับไม่เกิน 200,000
บาท
แต่หากก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงของประเทศความปลอดภัยสาธารณะ
ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะจะต้องจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี
และปรับตั้งแต่ 60,000-300,000 บาท
แต่หากการกระทำความผิดดังกล่าวมีผลทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จะต้องจำคุกตั้งแต่
10-20 ปี
มาตรา
13 ห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปเป็นเครื่องมือในการกระทำผิดตามมาตรา
5-11 หากกระทำความต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 14 ห้ามเข้าใช้หรือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีข้อมูลปลอมหรือเป็นเท็จที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
ประเทศชาติ ประชาชน หรือเกี่ยวกับการก่อการร้าย หรือ ข้อมูลที่มีลักษณะลามก หรือ
เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว หากกระทำความผิดต้องจำคุกไม่เกิน 5 ปี
หรือปรับไม่เกิน 100000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา
15
ห้ามให้บริการ สนับสนุน หรือยินยอมให้ผู้อื่นปฏิบัติตามความผิดในมาตรา
14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน
หากกระทำความผิดต้องมีโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดนั้น
มาตรา
16
ห้ามเข้าถึงข้อมูลภาพที่สร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือ ดัดแปลง
โดยทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย
หากกระทำความผิดต้องจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60000
บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา
17
ถ้าผู้ใดกระทำความผิดนอกประเทศไทย แต่ผู้กระทำผิดเป็นคนไทย
ให้รัฐบาลแห่งประเทศที่ผู้กระทำผิดได้ก่อเหตุหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษในประเทศนั้น
ๆ หรือ ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นคนต่างด้าว
และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายจะต้องรับโทษภายในประเทศไทย
3.มาตรา
18-30 อยู่ในหมวด 2 พนักงานเจ้าหน้าที่
เป็นมาตราที่กำหนดขึ้นเพื่อประโยชน์ในการสืบสวน
และข้อกำหนดของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการดเนินการต่อผู้กระทำความผิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น