Rainbow Pinwheel Pointer

หน่วยที่ 4 แนวทางการป้องกัน


หน่วยที่ 4 แนวทางการป้องกัน

เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างหลากหลาย ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมคอมพิวเตอร์เพื่อหาประโยชน์จากการใช้งานดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การป้องกันอาชญากรรมคอมพิวเตอร์จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรรู้และปฏิบัติตาม การป้องกันอาชญากรรมคอมพิวเตอร์สามารถปฏิบัติได้ 4 แนวทาง ดังนี้

1. การป้องกันข้อมูลส่วนตัว สามารถปฏิบัติได้โดยการตั้งค่ารหัสเข้าข้อมูลของไฟล์ข้อมูลที่ต้องการป้องกัน จัดเป็นเทคนิคที่ดีมากที่สุดวิธีหนึ่งในการควบคุมการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับให้เฉพาะบุคคลที่ต้องการ
2. การป้องกันการเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งโดยตรงและการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่าย ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
        2.1 การใช้ Username หรือ User ID และรหัสผ่าน( Password ) ทั้งนี้ผู้ใช้ไม่ควรกำหนดรหัสผ่านที่เป็นวันเกิด หรือรหัสอื่นๆ ที่บุคคลไม่หวังดีสามารถคาดเดาได้


ตัวอย่างการใช้ Username และรหัสผ่าน

        2.2 การใช้เทคโนโลยีด้านฮาร์ดแวร์ในการเข้าสู่ระบบ เช่น การใช้สมาร์ทการ์ด(Smart card) ในการควบคุมการใช้งาน หรือกุญแจล็อกเพื่อป้องกันการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต


ตัวอย่างการใช้สมาร์ทการ์ด

        2.3 การใช้อุปกรณ์ทางชีวภาพ(Biometric device) เป็นการใช้อุปกรณ์ที่ตรวจสอบลักษณะส่วนบุคคลเพื่อการอนุญาตใช้โปรแกรม ระบบ หรือการเข้าใช้คอมพิวเตอร์ เช่น การตรวจสอบเสียง ลายนิ้วมือ ฝ่ามือ ลายเซ็น ม่านตา และรูปหน้า โดยอุปกรณจะนำเข้าข้อมูลที่ได้จากการแปลงลักษณะส่วนบุคคลในรูปดิจิทอลไปเปรียบเทียบกับข้อมูลที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์ ถ้าข้อมูลตรงกัน คอมพิวเตอร์จึงจะอนุญาตให้เข้าสู่ระบบ


ตัวอย่างการใช้อุปกรณ์ตรวจสอบลายนิ้วมือ

3. การสำรองข้อมูล (Backup Disks) ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอและไม่เก็บข้อมูลไว้ที่เดียวกันกับระบบคอมพิวเตอร์ที่ทำการ Backup Disks นั้น ซึ่งผู้ใช้สามารถสำรองข้อมูลไว้ในอุปกรณ์สำรองข้อมูลชนิดอ่านอย่างเดียว เช่น แผ่นซีดีและแผ่นดีวีดี ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแก้ไขหรือปรับปรุงข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ





ตัวอย่างการ backup ข้อมูล windows 7


        4. การติดตั้งโปรแกรมค้นหาและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์ เป็นวิธีการป้องกันอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากสามารถป้องกันอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ได้หลากหลาย ทั้งการป้องกันการขโมยข้อมูลและการป้องกันการทำลายระบบการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันมีมีโปรแกรมค้นหาและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์หลายโปรแกรม โดยผู้ใช้ควรติตั้งโปรแกรมค้นหาและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 โปรแกรมต่อคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง เพื่อให้สามารถควบคุมและป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังควรอัปเดต (Update) โปรแกรมค้นหาและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากไวรัสคอมพิวเตอร์มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา


ตัวอย่างโปรแกรมค้นหาและกำจัดไวรัส





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น