Rainbow Pinwheel Pointer

หน่วยที่ 3 อาชญากรรมคอมพิวเตอร์


หน่วยที่ 3 อาชญากรรมคอมพิวเตอร์

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Computer Crime หรือ Cyber Crime) คือ การกระทำความผิดทางกฎหมายโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ ซึ่งมีลักษณะการกระทำความผิดและลักษณะผู้กระทำความผิด ดังนี้


ลักษณะการกระทำความผิด

ความผิดด้านอาชญากรรมคอมพิวเตอร์แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่มีอำนาจ การใช้คอมพิวเตอร์โดยมิชอบ และความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
1. การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่มีอำนาจ (Unauthorized Access) คือ การเข้าไปใช้ระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลต่อความครบถ้วนของข้อมูลการรักษาความลับ และประสิทธิภาพในการใช้งาน การกระทำความผิดในลักษณะนี้สามารถทำได้ 3 รูปแบบ คือ
        1.1 การเข้าถึงโดยการเจาะระบบ (Hacking or Cracking) หรือการบุกรุกทางคอมพิวเตอร์ทั้งนี้เพื่อทำลาย เปลี่ยนแปลง หรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลนั้น ๆ ในการกระทำความผิดลักษณะนี้จะส่งผลให้เกิดการกระทำความผิดในด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น การฉ้อโกงหรือการปลอมแปลงเอกสาร การขโมยข้อมูลหรือความลับของผู้อื่น การเข้าถึงโดยการเจาะระบบสามารถกระทำได้หลายวิธี ทั้งการเจาะระบบจากคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น ๆ หรือเจาะระบบผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
        1.2 การลักลอบดักข้อมูล (Illegal Interception) จะมีการใช้วิธีการทางเทคนิคหรือใช้อุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อกับเครือข่าย เพื่อลักลอบดักฟัง ตรวจสอบ หรือติดตามข้อมูลที่สื่อสารระหว่างบุคคล นอกจากนี้ยังรวมถึงการกระทำอันเป็นการล่อลวงเพื่อจัดหาข้อมูลไปให้กับผู้อื่น โดยข้อมูลนั้นไม่ได้เป็นข้อมูลที่เปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้
        1.3  การรบกวนระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูล (Data and System Interference) เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลของผู้อื่น การกระทำความผิดในลักษณะนี้มักใช้วิธีการนำไวรัสคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ทั้งเพื่อการทำลาย แก้ไข และเปลี่ยนแปลงข้อมูล ขโมยรหัสผ่านของผู้ใช้คอมพิวเตอร์และทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นทำงานช้าลงจนกระทั่งไม่สามารถใช้งานได้เลย
        1.4 การใช้อุปกรณ์ในทางมิชอบ เป็นการกระทำความผิดด้วยการผลิต แจกจ่าย จำหน่าย ครอบครองอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ หรือส่งเสริมการกระทำคามผิด เช่น อุปกรณ์สำหรับเจาะระบบ โปรแกรมสำหรับถอดรหัสคอมพิวเตอร์ และโปรแกรมสำหรับแจกจ่ายข้อมูลให้แก่ผู้อื่น แต่การกระทำความผิดในลักษณะนี้จะไม่รวมถึงอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ป้องกันระบบหรือทดสอบระบบ ดังนั้นจึงต้องพิจารณาถึงการได้รับอนุญาตให้การะทำการดังกล่าวด้วย
2.การใช้คอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (Computer Misuse) เป็นการกระทำความผิดโดยใช้คอมพิวเตอร์ประกอบอาชญากรรมทุกรูปแบบ บางประเทศมีการกำหนดบทลงโทษด้วยการแก้ไขกฎหมายอาชญากรรมเดิม แต่ในประเทศไทยได้มีการกำหนดบทลงโทษหรือกฎหมายเฉพาะขึ้นซึ่งก็คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 นั่นเอง
3.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (Computer Related Crime) เป็นการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อประกอบการกระทำความผิดในด้ายต่าง ๆ ซึ่งสามารถแบ่งลักษณะการกระทำความผิดได้ 3 ลักษณะ คือ
        3.1 การปลอมแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ การกระทำความผิดดังกล่าวมีผลตั้งแต่การป้อนข้อมูลที่เป็นเท็จ การปลอมแปลงข้อมูลทั้งหมดหรือบางส่วน รวมถึงการลบย้ายหรือย้ายข้อมูลออกจากสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลนั้น ทำให้ข้อมูลนั้นผิดไปจากต้นฉบับ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
        3.2 การฉ้อโกง โดยมีเจตนาเพื่อทุจริต แก้ไข เปลี่ยนแปลง ลบ นำเข้า หรือรบกวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ผู้อื่น  โดยการกระทำนั้นทำให้เกิดประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน เช่น การสร้าง    โปรแกรมเพื่อปัดเศษเงินในบัญชีธนาคารของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง
        3.3 การทำให้สื่อลามกอนาจารแพร่หลาย เป็นการกระทำผิดโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สื่อลามกอาจารปรากฏแก่ผู้อื่นด้วยการผลิต ส่งผ่าน จัดให้ได้มาหรือทำให้แพร่หลายในระบบคอมพิวเตอร์

ลักษณะผู้กระทำความผิด

ผู้กระทำความผิดทางอาชญากรรมคอมพิวเตอร์หรืออาชญากรคอมพิวเตอร์มีหลายประเภท ตั้งแต่เริ่มกระทำความผิดโดยไม่มีเจตนาร้าย จนกระทั่งผู้ที่ตั้งใจกระทำความผิดทางอาชญากรรมคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้ทรัพย์สินของผู้อื่น ดังนั้นจึงสามารถแบ่งลักษณะของผู้กระทำความผิดตามเจตนาของผู้กระทำความผิด ดังนี้
1. มือสมัครเล่น(Amateurs) มักกระทำความผิดเนื่องจาก อยากรู้อยากเห็น หรือ ความคึกคะนอง และไม่ได้ตั้งใจ มักเป็นพวกเด็กหัดใหม่(Newbie)หรือผู้เริ่ม(Novice) หรือเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์ได้ไม่นาน หรือผู้ที่ต้องการทดลองความรู้ความสามารถของตนเอง โดยไม่มีเจตนาร้ายหรือประสงค์ร้ายต่อผู้อื่น อาชญากรรมที่เกิดจากผู้กระทำความผิดประเภทนี้ อาจพัฒนาไปเป็นแครกเกอร์หรืออาชญากรมืออาชีพต่อไปในอนาคตได้
2. แครกเกอร์(Cracker)คือ ผู้บุกรุกหรือผู้รบกวนระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น มักเป็นผู้ที่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี โดยจะพยายามเข้ามาในระบบ แล้วสร้างความเสียหายให้แก่ระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูล แครกเกอร์จึงมีความหมายโดยรวมถึงอาชญากรคอมพิวเตอร์ในทุกรูปแบบ แครกเกอร์บางประเภทเป็นพวกผิดปกติ ที่มีลักษณะชอบความรุนแรงและเป็นอันตรายต่อผู้อื่น เรียกว่า Danger person
3. อาชญากรรมมืออาชีพ(Career Criminals) จะเป็นคนที่มีความรู้ทางเทคนิคคอมพิวเตอร์ค่อนข้างสูง มีเครื่องมือที่ทันสมัยและเพียบพร้อม โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหวังทรัพย์สินของผู้อื่น ทั้งด้วยการโจรกรรมข้อมูลธุรกิจที่เป็นความลับขายให้กับบริษัทฝ่ายตรงกันข้าม และการหลอกลวงด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จอื่นๆ บางพวกมีการรวมกลุ่มกันเพื่อกระทำความผิดในลักษณะขององค์กรใหญ่ๆอย่างเป็นระบบ เรียกว่า Organized Crime
นอกจากการแบ่งผู้กระทำความผิดตามลักษณะของผู้กระทำความผิดแล้ว ยังสามารถแบ่งผู้กระทำความผิดได้ตามลักษณะความผิดที่ก่อขึ้น ได้แก่
·      อาชญากรที่ใช้คอมพิวเตอร์ฟอกเงิน
·      อาชญากรที่ละเมิดลิขสิทธิ์ (Copyright)
·      อาชญากรที่แพร่กระจายข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
·      อาชญากรที่ก่อกวนและทำลายสาธารณูปโภค
·      อาชญากรที่หลอกลวงให้ร่วมค้าขายและลงทุน
·      อาชญากรที่ขโมยข้อมูลหรือลักลอบใช้อินเทอร์เน็ต
·      อาชญากรที่แทรกแซงข้อมูลแล้วนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์
·      อาชญากรที่นำระบบการสื่อสารมาปกปิดความผิดของตนเอง
·      อาชญากรที่โอนเงินในบัญชีอู้อื่นเข้ามาบัญชีธนาคารของตนเอง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น